มหาวิบัติดวงตา ถล่มโลก หนังอีกเรื่องที่น่าดู ^^

21 11 2008

20th-century-boys-3

มหาวิบัติ…ดวงตาถล่มล้างโลก

กำหนดฉาย : 20 พฤศจิกายน 2551
แนว : วิทยาศาสตร์
กำกับ : ยูกิฮิโกะ ซึซึมิ
บท : ยาสึชิ ฟุคุดะ, ทากาชิ นากาซากิ, นาโอกิ อุราซาวา, ยูสึเกะ วาตานาเบ
เพลงประกอบ : เรียวเมอิ ชิราอิ
เพลงธีม : 20th Century Boy ของวง T.Rex (Imperial records)
มังงะต้นฉบับ : 20th Century Boys และ 21st Century Boys โดย นาโอกิ อุราซาวา, สำนักพิมพ์โชกาคุคัง

ปฐมบทของเรื่องราว

ในวัยเด็ก หลายๆคนอาจเคยเล่นสนุกกับการจินตนาการ “เหล่าร้าย” ตามแบบการ์ตูนฮีโร่ แล้วสนุกกับการจินตนาการว่าตนจะเป็นฮีโร่ไปปราบเหล่าร้ายนั้น ในวัยเด็ก “เคนจิ” กับพวก ที่กำลังเล่นเป็นหน่วยกู้โลก ได้จินตนาการองค์กรวายร้ายขึ้นมา และช่วยกันคิดแผนการร้ายที่วายร้ายจะใช้ บันทึกลงในสมุด เรื่องราวแปลกประหลาดเริ่มต้นขึ้นเมื่อคนคนนึงที่เรียกตัวเองว่า ”เพื่อน” องค์กรของเพื่อนค่อยโผล่ในทุกซอกมุมของประเทศ จากลัทธิเล็กๆ กลายเป็นองค์กรใหญ่ระดับประเทศ จนกลายเป็นระดับโลก

ตัวเอกของเรื่องคือ ”เคนจิ” ที่เป็นพนักงานซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป ที่มีความฝันอยากเป็นนักดนตรีร็อก ได้เห็นสัญลักษณ์ขององค์กรนี้เข้าโดยบังเอิญ และสัญลักษณ์นั้นเหมือนกับสัญลักษณ์ที่พวกเค้ากับกลุ่มเพื่อนในวัยประถมเป็นคนคิดกันเอง และแผนการครองโลกที่เพื่อนกำลังใช้อยู่นั้น มันก็คือแผนการที่พวกเค้าคิดขึ้นมาเองในวัยเด็ก และที่สำคัญหัวหน้าลัทธิ “เพื่อน” นั้นเป็นหนึ่งในเพื่อนสมัยเด็กของเคนจิ เขาจึงเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ทันว่าเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ และเค้าเป็นคนเดียวที่สามารถหยุดแผนร้ายนี้ได้

เคนจิต้องหาให้ได้ว่า “เพื่อน” เป็นใคร แล้วหาทางหยุดยั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านี้ การสืบหาตัวตนที่แท้จริงของ ”เพื่อน” จึงเริ่มต้นขึ้น

จากการ์ตูนยอดฮิตสู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์

ปรมาจารย์การ์ตูนมังงะ นาโอกิ อุราซาวา ผู้สร้างสรรค์ Yawara! และ Monster ใช้เวลาตั้งแต่ปี 1999 ถึงปี 2007 รวมแล้วกว่า 8 ปี เพื่อเรียงร้อยเรื่องราวใน 20th Century Boys จำนวน 24 เล่ม อันเป็นปรากฏการณ์ระดับชาติด้วยยอดจำหน่ายสูงลิบกว่า 20 ล้านฉบับ ก่อนจะโด่งดังแพร่หลายในอีก 12 ประเทศ ทั้ง ฮอลแลนด์, เบลเยียม, เยอรมนี, สเปน, ฝรั่งเศส, อิตาลี, อินโดนีเซีย, ฮ่องกง, เกาหลีใต้, สิงคโปร์ และประเทศไทย ที่สำคัญ มังงะเรื่องนี้ยังชนะ “รางวัลการ์ตูนชุดยอดเยี่ยม” จากเทศกาล Angoulême International Comics Festival ในฝรั่งเศสอีกด้วย และหลังจากที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คนทั่วโลกไปแล้ว วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ 20th Century Boys จะสร้างความตื่นตาตื่นใจในรูปแบบภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชั่นแห่งศตวรรษ

ผู้คนต่างกล่าวตรงกันว่า “ไม่มีทางดัดแปลงมาขึ้นจอได้หรอก” ก็ด้วยความที่มังงะเรื่องนี้ครอบคลุมสเกลใหญ่เกินกว่าปกติ โดยมีเรื่องราวสลับซ้อนกินเวลายาวนานกว่า 50 ปีซึ่งโยงใยไปถึงทั่วทุกมุมโลก ทว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็กลับเป็นไปได้ หากแต่ต้องแบ่งออกเป็น 3 ภาค พร้อมด้วยทุ่มงบประมาณมหาศาลเป็นประวัติการณ์ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ญี่ปุ่นกว่า 6 พันล้านเยน ทั้งยังต้องยกกองข้ามน้ำข้ามทะเลไปถ่ายทำกันในนิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส ปักกิ่ง และกรุงเทพฯ

ทันทีที่ข่าวประกาศสร้างหนังแพร่สะพัดในปี 2007 ก็เกิดประเด็นร้อนโต้แย้งกันในโลกไซเบอร์ว่าด้วยเรื่องนักแสดงคนไหนจะมารับบทใด เนื่องจากตลอดไตรภาคนั้นมีบทบาทหลักๆ กระจายอยู่กว่า 300 บทบาท เมื่อทีมผู้สร้างประกาศรายชื่อนักแสดงในปฐมบท อันได้แก่ โทชิอากิ คาราซาวา, เอตสึชิ โทโยกาวา และ ทากาโกะ โทกิวา ในบท เคนจิ, โอตโจะ และยูคิจิ ตามลำดับ สื่อต่างๆ ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีโดยจับข่าวขึ้นหน้าหนึ่งทันที นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดว่า 20th Century Boys จะต้องเป็นหนังที่รวบรวมนักแสดงดาวเด่นทั้งหมดมาไว้ด้วยกันอย่างยิ่งใหญ่อลังการในแบบที่ไม่เคยมีหนังเรื่องใดทำได้มาก่อน

“เหมือนสร้างหนังจากคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ครับ” คือเสียงสะท้อนของผู้กำกับฯ ซึซึมิ จากภาระยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ บนเส้นทางอันยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษของ 20th Century Boys ซึ่งมีตัวละครมากมายเป็นร้อยๆ ทำให้มันลอยเด่นอยู่เหนือมังงะเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ นี่คือมังงะประเภทที่วางไม่ลงจนกว่าจะอ่านจนจบ ในช่วงต้นของงานสร้างชิ้นนี้จึงต้องมีผู้สร้างสรรค์ต้นฉบับ นาโอกิ อุราซาวา มาคอยดูแลเรื่องราวโดยรวมและร่วมเขียนบทของภาคแรก พร้อมทั้งบิดเรื่องราวในหนังให้ต่างจากมังงะ ตัวร้ายของเรื่องคือ “เพื่อน” จะได้รับการตีความใหม่ในหนัง อีกทั้งคนดูจะได้เห็นรายละเอียดแปลกใหม่และตื่นตาตื่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เรื่องราวอันยาวนานของมังงะเริ่มขึ้นในฉากที่ เคนจิ ยึดห้องเรียนเป็นสถานที่บรรเลงเพลง 20th Century Boy ของวง T.Rex ซึ่งนอกจากจะเป็นที่มาของชื่อมังงะแล้ว ก็ยังมีความหมายลึกซึ้งต่อเรื่องราวอีกด้วย หนังจึงเลือกเพลงนี้มาใช้เป็นเพลงธีม นำเพลงร็อกรุ่นลายครามอายุ 35 ปีกลับมาเยือนปัจจุบันอีกครั้ง

หลังจากที่มังงะต้นฉบับพิสูจน์ศักยภาพให้เห็นกันไปแล้วทั่วโลก หนังก็กำลังจ่อคิวรอพิสูจน์ตัวมันเองในระดับสากลเช่นเดียวกัน ข่าวคราวเกี่ยวกับการสร้างหนังได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม อีกทั้งในงาน American Film Market 2007 ที่ผ่านมา มีถึง 42 บริษัทจาก 34 ประเทศมาแย่งกันซื้อลิขสิทธิ์ไปจัดจำหน่าย เมื่อการขายเสร็จสิ้น ทั่วโลกต่างก็ใจจดใจจ่อรอให้มันเข้าโรงฉาย

นักแสดงนำภาพยนตร์ 20th Century Boy

โทชิอากิ คาราซาวา รับบท เคนจิ

“เคนจิเป็นผู้ชายธรรมดาทั่วๆ ไปครับ แต่กลายเป็นว่าอยู่ๆ จินตนาการในวัยเด็กของเขากลับนำมาซึ่งวันหายนะของโลก ก่อนที่จะถูกบีบบังคับให้รับผิดชอบและแสดงท่าทีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนการดึงเขาให้หลุดพ้นจากสภาพของผู้พ่ายแพ้ต่อชีวิต ในวันส่งท้ายปีเก่า เขาต้องเผชิญหน้ากับ “เพื่อน” หลังจากนั้นก็ก้าวเข้าสู่เหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งค่อยๆ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา ลำดับขั้นการเปลี่ยนแปลงของเขานี่แหละครับคือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในหนัง ผมได้แต่หวังว่าคนดูจะรู้สึกคล้อยตามเป็นหนึ่งเดียวไปกับเคนจิและเข้าถึงโศกนาฏกรรมในชีวิตของตัวละครตัวนี้ได้ครับ”

ทากาโกะ โทกิวา รับบท ยูคิจิ

“มังงะเรื่องนี้เป็นเพื่อนเก่าของฉันค่ะ ฉันรู้จักมาตั้งแต่สมัยยังเรียนประถม ที่บ้านของฉันมีมังงะกองเป็นตั้งๆ อย่างกับมังงะคาเฟ่เลยค่ะ (หัวเราะ) นั่นแหละคือที่ที่ฉันได้อ่านมันเป็นครั้งแรก ฉันรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก และทุกวันนี้มิตรภาพก็ยังเหนียวแน่น ฉันชอบกลวิธีการคลี่คลายปมของเรื่องค่ะ แม้ว่าเรื่องจะยาวมาก แต่ฉันก็อ่านรวดเดียวจบได้โดยไม่ลุกไปไหนเลย มีอยู่วันหนึ่ง ก่อนการถ่ายทำ ฉันแค่อยากอ่านหน้าที่กำลังจะถ่ายทำเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าฉันหยุดอ่านมันไม่ได้”

เอตสึชิ โทโยกาวา รับบท โอตโจะ

“แน่นอนครับว่าหนังจะต้องสนุกมากๆ สำหรับคนดูที่ไม่เคยอ่านมังงะมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ละเลยความคาดหวังของแฟนมังงะ ผมคิดว่าถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับแล้วล่ะก็ หนังคงไร้ความหมาย ที่สำคัญ แผนหลักๆ ที่เราวางไว้คือต้องถ่ายทอดออกมาให้ใกล้เคียงกับมังงะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเองก็พยายามสวมบทบาทให้ใกล้เคียงกับภาพวาดในต้นฉบับที่สุดแล้วครับ”

เทรุยูกิ คากาวา รับบท โยชิสึเนะ

“ผู้กำกับแนะว่าควรจะสวมบทโยชิสึเนะในฉากแรกให้เหมือนเป็นคนขาพิการครับ โยชิสึเนะเป็นตัวละครที่สร้างความประทับใจในแบบเงียบขรึมไม่ค่อยพูดจากับใคร ในขณะที่ตัวเอกของเรื่องอย่างเคนจิก็ไม่ใช่ตัวเอกที่โดดเด่นมากมายนัก โอตโจะต่างหากคือตัวละครที่แสดงความแข็งแกร่งในหลายๆ ฉาก แต่เขาก็เป็นแค่ลูกจ้างประจำบริษัทซื้อมาขายไปเท่านั้น อันที่จริงแล้ว พลพรรคแห่งฐานลับล้วนแต่เป็นคนธรรมดาๆ ในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา นั่นคือ ต้องพิทักษ์โลก ผมว่าเรื่องราวทำนองนี้น่าจะเพิ่มพลังและสร้างกำลังใจให้เราทุกคนได้ไม่น้อยครับ”

ฮิเดอิโกะ อิชิซูกะ รับบท มารูโอะ

“ในวาไรตี้โชว์ที่ผมเคยผ่านมาแล้วมากมาย ผมมักเป็นตัวปล่อยมุขและคอยสร้างเสียงหัวเราะ แต่ในหนัง ผมต้องจดจ่ออยู่กับอารมณ์ในแต่ละฉาก จะวอกแวกไม่ได้เลยครับ ระหว่างการถ่ายทำ ผู้กำกับถึงได้พยายามหานู่นนี่มาให้ผมกัดผมเคี้ยวอยู่เรื่อยๆ เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ซึ่งก็ช่วยได้มากจริงๆ ครับ สำหรับผมแล้ว ฉากประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นตอนที่เคนจิมาเยี่ยมผมที่ร้าน Fancy Shop เพราะผมได้ยินมาว่าฉากนี้เขียนขึ้นเพื่อหนังโดยเฉพาะน่ะครับ ท้ายที่สุด การแสดงของเราผ่านพ้นไปด้วยดี เหมือนมีเทพธิดามิวส์ (เทพแห่งงานศิลป์) ลอยจากฟ้ามาแตะบ่าให้พรทีเดียวครับ”

ทากาชิ อุกาจิ รับบท มงจัง

“เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของมงจังคือจะยังคงความสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้านใดๆ ถึงแม้จะรู้ว่าสถานการณ์เข้าขั้นเลวร้ายมาก ซึ่งในมังงะต้นฉบับ เขาก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันครับ ฝ่ายเครื่องแต่งกายและฝ่ายแต่งหน้าพยายามทำให้ผมใกล้เคียงกับมงจังอย่างสุดความสามารถ ในขณะที่ตัวผมเองก็ต้องสำรวจเข้าไปให้ถึงความรู้สึกนึกคิดภายในตัวละครตัวนี้ให้ได้ เพราะหน้าที่ของเราคือซื่อสัตย์ต่อมังงะต้นฉบับให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะสนุกมากๆ เวลาที่เราทำได้อย่างที่ตั้งใจ ผมถือปืนด้วยท่าทางเดียวกับมงจังในมังงะด้วยนะครับ ผลปรากฏว่าทุกคนร้องลั่น อย่างกับหลุดออกมาจากมังงะเลย!

ฮิโรยูกิ มิยาซาโกะ รับบท เคโรยอง

“ผมเป็นแฟนตัวจริงของแม็กกาซีน Weekly Big Comic Spirits ซึ่งมี 20th Century Boys ตีพิมพ์เป็นตอนๆ อยู่ด้วย แทบไม่อยากเชื่อเลยครับว่าตัวเองจะโชคดีถึงขนาดได้แสดงในหนังเรื่องนี้ ตกใจมาก อยากรู้จริงๆ ว่าจะสร้างหนังจากเรื่องราวยาวเหยียดของ 20th Century Boys ได้ยังไง? มีใครร่วมแสดงบ้าง? หลังจากนั่งคิดเล่นๆ ว่าใครจะแสดงบทไหนไปสักพัก ผมถึงรู้ว่าตัวเองได้แสดงเป็น เคโรยอง งงๆ อยู่เหมือนกันครับ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้แสดงบทนี้ แต่พอได้แต่งหน้าเติมนู่นเติมนี่ ถึงตระหนักได้ว่าตัวเองเหมือนเคโรยองจริงๆ ผมพยายามแสดงให้เขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆ นะครับ แต่เสียดายอยู่นิดหนึ่งตรงที่ไม่ได้ร่วมแสดงในฉากการนองเลือดในวันส่งท้ายปีเก่า ผมอยากร่วมแสดงฉากนี้จริงๆ ครับ” (หัวเราะ)

คัตสึชิตะ นามาเสะ รับบท ดองกี้

“ตัวละครดองกี้สร้างความประทับใจไว้มากมายเมื่อตอนเป็นเด็ก แต่จะได้เห็นเขาตอนเป็นผู้ใหญ่แค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น คือถึงแม้จะมีบทบาทน้อยแต่ก็มีความสำคัญมากครับ เพราะเขาคือจุดเริ่มต้นของปริศนาทั้งหมดในเรื่อง ผมรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้แสดงเป็นเขา ตัวตนของเขาในวัยเด็กยังคงแจ่มชัดอยู่ในใจของเพื่อนร่วมชั้นเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ตอนที่ผมแสดง ผมจะคิดถึงภาพตอนเด็กๆ ของเขา เขาคือนักวิ่งลมกรดผู้แสนจะใสซื่อครับ ส่วนฉากที่ดองกี้ถูกสาวกของ “เพื่อน” รุมเล่นงาน เราถ่ายทำกันบนหลังคาโดยมีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม ในขณะที่ตัวร้ายอย่าง เคนอิจิ เอ็นโด และ อาราตะ ก็แสดงได้สมจริงมากๆ น่ากลัวจริงๆ ครับ!” (หัวเราะ)

ฟูมิโยะ โคฮินาตะ รับบท ยามาเนะ

“สมัยที่ผมแสดงละครเวทีอยู่กับคณะ Okepi (Orchestra Pit) คณะเราชอบอ่าน 20th Century Boys กันในห้องพักนักแสดงครับ ตอนที่ได้อ่าน ผมรู้สึกว่าน่าสนใจมากแล้วก็น่าขนลุกด้วยเช่นกัน แต่เป็นคนละความรู้สึกกับเวลาอ่านเรื่องผีๆ นะ เพราะสิ่งที่ชวนขนลุกในมังงะ คือ ความไม่แน่นอนของอนาคตและโชคชะตาอันโหดร้ายครับ ในมังงะ ตัวละครยามาเนะที่ผมแสดงจะมีบทบาททั้งตอนเป็นเด็กและตอนโตเป็นผู้ใหญ่ในช่วงปี 2000 แต่ในหนัง ยามาเนะจะมีบทบาทในช่วงปี 1997 เพิ่มเข้ามา งานนี้ผมต้องสวมวิกเพื่อให้ดูหนุ่มขึ้นเสียด้วย ควรจะไปดูหนังกันนะครับ ไม่อย่างนั้นจะพลาดอะไรดีๆ”

คุราโนซุเกะ ซาซากิ รับบท ฟุคุเบะ

“ผมตื่นเต้นมากทันทีที่รู้ข่าวว่าทีมผู้สร้างประกาศสร้างหนังเรื่องนี้อย่างเป็นทางการแล้ว ใครๆ ก็บอกว่าผมเหมาะกับบทฟุคุเบะมากๆ ครับ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วพวกเขาหมายความว่ายังไงกันแน่ (หัวเราะ) ผมเคยร่วมงานกับผู้กำกับคนนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทุกๆ ครั้ง ผมจะรู้สึกดีมากๆ เวลาเขาแนะนำและพูดคุยกับนักแสดงก่อนเข้าฉากถ่ายทำ ในหนังเรื่องนี้ เขาก็ยังคงใช้วิธีการเดิมๆ แบบนี้อยู่ครับ เพียงแต่ไม่ใช้กับผมเท่านั้นเอง ผมไม่เคยได้คำแนะนำอะไรเลย! เสียใจจริงๆ ครับ” (หัวเราะ)

เร็นจิ อิชิบาชิ รับบท อินชู มันโจเมะ

“เพื่อที่จะอ่าน 20th Century Boys ให้ครบทุกเล่ม ผมถึงได้เข้าไปนั่งในมังงะคาเฟ่เป็นครั้งแรกในชีวิต ช่วงทศวรรษที่ 70 ในหนังเป็นยุคของผมครับ ตอนนั้นผมหนุ่มแน่นและมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม ผมผ่านยุคนั้นมาจริงๆ ผมรู้ว่าทำไมผู้คนถึงรู้สึกว่างเปล่า และเรื่องราวในยุคนั้นจบลงอย่างไร ผมเชื่อมั่นว่าสามารถสวมบทบาทชายผู้ผ่านการใช้ชีวิตในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี มังงะต้นฉบับวิเศษมากครับ แต่ผมไม่อยากยึดติดกับมันสักเท่าไหร่ เพราะอยากทุ่มเทให้การแสดงมากกว่า อยากให้คนดูเห็นว่าหนังขยายศักยภาพของเรื่องราวออกไปได้มากกว่ามังงะต้นฉบับ”

คัตสึโอะ นากามูระ รับบท ก๊อด คามิซามะ

“ผมกังวลเรื่องการพลาดและผิดเพี้ยนไปจากมังงะต้นฉบับมากๆ ครับ ผมพยายามแสดงให้ดีที่สุด แต่ก็ยังยากอยู่ดี มีอยู่ฉากหนึ่งครับ ผมต้องร่ายคำคมยาวๆ เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสไตรก์กับล้างท่อในการโยนโบว์ลิ่ง นั่นแหละยากจริงๆ ครับ ผมตีความว่าเหตุที่ตัวละครตัวนี้เล่าเรื่องเป็นเกร็ดเล็กน้อย เพราะการพูดความจริงตรงไปตรงมานั้นมักทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วน ก๊อดจะกล่าวกับบรรดาตัวละครเอกในเชิงสัญลักษณ์เปรียบเทียบน่ะครับ และก็กล่าวสิ่งเดียวกันนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับบรรดาเพื่อนร่อนเร่ของเขาด้วย”

ฮิโตมิ คุโรกิ รับบท คิริโกะ

“ฉันหยุดอ่านมังงะต้นฉบับ 24 เล่มไม่ได้ค่ะ! เรื่องราวดึงดูดลุ้นระทึกมากๆ นี่ไม่ใช่มังงะสำหรับผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็อ่านแล้วเข้าถึงได้เหมือนกัน ฉันแสดงเป็นพี่สาวของเคนจิและแม่ของคันนะตัวน้อยๆ เป็นบทที่สำคัญมากนะคะ ชีวิตเธอเศร้า เธอเป็นหญิงสาวที่มักจะเลือกพลาด แต่ก็รับผิดชอบในทุกๆ สิ่งที่เธอเลือก ทั้งยังพยายามแก้ไขความผิดพลาดเหล่านั้นด้วย ฉากไหนที่มีฉันร่วมแสดงจะเป็นฉากเครียดๆ ค่ะ ในขณะที่ตัวฉันเองกลับมีความสุขมากๆ เพราะได้ร่วมงานกับผู้กำกับซึ่งตั้งใจจะสร้างหนังดีๆ ให้คนได้ดูอย่างสุดความสามารถ”